First Destination
4:44 หลังเที่ยง
กว่าจะผ่านเส้นทางสายหมอกมาได้ ก็เกือบบ่ายแล้ว ท้องใส้เริ่มจะออกอาการ ฟาดงวง ฟาดงา เพราะยังไม่ได้กินอะไรกันตั้งแต่เช้า ใครไม่รู้ออกไอเดีย มาลาวทั้งทีต้องกิน เฝอ ชามใหญ่ๆ
เอาสิ เฝอ ก็ เฝอ ชามเล็ก ชามใหญ ชามยักษ์ ก็จัดมาเถอะ (จะฟาดควายได้ทั้งตัวล้าววว >///<) ขับรถมากันเรื่อยๆ จนถึงทางโค้งจะเลี้ยวเข้าวัดพู อันเป็นจุดหมายปลายทางของชาวคณะ ก็มีร้านอาหารอยู่ร้านหนึง ไม่ต้องปรึกษาใคร หรืออะไรทั้งสิ้น เราบอกลุงคนขับรถให้จอดทันที ร้านที่ว่าเป็นร้านเล็กๆ เหมือนร้าน ก๋วยเตี๋ยว ตามต่างจังหวัดในบ้านเราแหละ ที่ร้านนี่เป็นบ้านชั้นเดียว แล้วทำหลังคายื่นออกมา มีโต๊ะใหญ่อยู่ตรงกลางโต๊ะนึง ที่เหลือก็เป็นโต๊ะเล็กๆ 4 ที่นั้ง อีก 2-3 โต๊ะ
บรรยากาศภายในร้าน ค่อนข้างเงียบเหงา มีเพียงชาวต่างชาติ ครอบครัวหนึ่ง ที่ปั่นจักรยานมา นั้งร่วมร้านกับเรา เพราะเลยเวลามื้อเที่ยงมาแล้ว (ไม่เหมือนในกรุงเทพฯ บ่าย 2 แล้วคนยังแน่นร้านอยู่เลย) ประกอบกับ ที่นี่ผู้คนมักจะทำอาหารกินเองที่บ้าน ร้านค้าเหล่านี้ จึงเหมือนไม่ไว้สำหรับนักท่องเที่ยว
วันนั้นเรามีกัน 7 คนพอดี โต๊ะใหญ่หน้าบ้านจึงเป็นของพวกเรา ไม่รอช้า ชาวคณะพากันหยิบเมนู ขึ้นมา พลิกซ้าย พลิกขวา หาของชอบกันสนุกสนาน เมนูที่นี่ทำเป็น 2 ภาษาค่ะ คือภาษาลาว และ ภาษาอังกฤษ ส่วนคำที่ช้ ส่วนใหญก็จะทับศัพท์ไปเลย
มีเมนูนึง ทำเอาชาวคณะ ฮือฮากันยกใหญ่
Lap Duck
ลาบดั๊ก!!!
ลาบเป็ดนั่นแหละ คือเขาเขียน ลาบ ว่า Lap อย่างนี้เลย และ เป็ด ใช้ Duck มันเลยกลายเป็นคำลูกครึ่งให้เราได้ฮือฮากัน อารมณ์เดียวกับตอนเห็นหนุ่มลูกครึ่งหน้าตาดี อะไรประมาณนั้น บางคนก็ เซ๊วฟี่ กับ Lap Duck กันพอเป็นพิธี
นอกจากนี้ยังมี Lap Chicken, Lap Fish ให้เราได้อุทานกันอีกหลายคำ เช่น เฮ๊ยยย เก๋ว่ะ เมิง!! >///<
เราสั่งเฝอกันคนละชาม(เพราะมันราคาถูกสุดละ ทัวร์ชั้นประหยัดต้องเจียมเนื้อเจี้ยมตัวนะคะ Y^Y) ตีเป็นเงินไทย ราวๆ 40 บาท ของเราเป็นเฝอไก่(แก่แม่ปลาช่อน) ไก่ที่นี่พิเศษสุดๆ เลี้ยงเอง เชือดเอง ต้มเองกับมือ ไม่ต้องผ่านโรงเชือดให้เสียเวลา(จะต่างอะไร ไก่ก็ตายเหมือนกัน o.O) ความจริงร้านนี้ไม่ได้ขายแค่เฝอไก่อย่างเดียว ยังมีเนื้อชนิดอื่นๆ ด้วย(แต่อาจจะไม่ VIP เท่าเฝอไก่) กินกับผักสดสารพัดชนิด ราดซอสพริกนิดหน่อย อร่อยมาก ยิ่งกินตอนหิวราวอดอาหารมา 3 วันอย่างงี้ยิ่งแล้วใหญ่
ในชามเฝอ ก็จะมีเส้นเฝอ(ต้องมีสิไม่มีต้องเรียกอย่างอื่นแล้วล่ะ) มีลูกชิ้น หั่นครึ่ง น้ำใสๆ เนื้อไก่ลอยอ้างว้างอยู่กลางชาม พลิกเส้นขึ้นมาจะเจอ ตีนไก่หมกอยู่ด้านล่าง(น่ากินมาก จากใจเลย ตีนไก่เป็นอะไรที่ น่ากินที่สุด รองจากตูดไก่ล่ะ) โปรยปรายด้วยกระเทียมเจียว กับผักชี เบาๆ สูดกลิ่นเล็กน้อย อ๊าาาาาา สวรรค์ละกรูมื้อแรก...
หลังจาก เซ๊วฟี่ โชเซียล อัพเฟส บลาๆๆๆ กันจนอิ่มหนำ ก็ได้ฤกษ์แดกจริงกันซักที (ลุงคนขับรถกินไปครึ่งชามละ พวกเมิงยังไม่ได้ปรุงกันเล๊ยยยย _ _!) เราบางคนจ้วงถาดผักก่อน บางคนน้ำตาล น้ำปลา พริกป่น(เผ็ดนรกแตกมาก) ฯลฯ
ส่วนเราค่อยๆ ละเลียดชิมน้ำซุปใสๆ ในชาม เพื่อเป็นการให้เกียรติคนทำอาหาร ชามนั้น และเพื่อได้ลิ้มลองรสชาติเป็น Original ของอาหารก่อน
หลอก!!!
เราไม่ได้ใจสวยขนาดนั้น ฮ่าๆๆๆ
จริงๆ แล้วแค่มือเราหนัก ปรุงก่อนเมื่อไหร่ บรรลัยเมื่อนั้นเลยค่ะ พูดได้ว่า ถ้าปรุงเลยแบบที่คนปกติหลายๆ คนทำกัน ก๋วยเตี๋ยวชามนั้น หมายังไม่แดกเลยค่ะ
ในขณะที่เรากำลังชิมน้ำซุปอยู่นั้น คนอื่นก็กำลังปรุงเฝอ กันอย่างเมามันส์(ทำไมต้องเมามันส์) ทั้งชามผัก ทั้งเครื่องปรุง ถูกฉุดกระชากลากถูอย่างทะนุถนอม(งงอ่ะดิ) เพราะเดี๋ยวมันจะคว่ำก่อนได้ปรุง
พอชิมน้ำซุปแบบที่ยังไม่ผ่านมือใคร(นอกจากแม่ครัวเจ้าของร้าน) เราก็อึ้งกับรสชาติแบบตรงไปตรงมาของมันมากค่ะ
น้ำใส ยังไง รสชาติ ใสอย่างงั้นเลยค่ะ จืดแต่ไม่สนิท เค็มหน่อยๆ แต่ไม่ชัดเจน ซ้ายก็ไม่ไป ขวาก็ไม่ไป รสชาติไม่เอาฝ่ายไหน เป็นกลางอย่างสันติมาก
แล้วกูจะเติมอะไรก่อนล่ะทีนี้ !!??
น้ำตาลละกัน
ยังไม่ ok
อ่าวเครื่องปรุงหาย เฮ๊ยยยย เอามานี่ดิ!!
น้ำส้มสายชูละกัน
อืมมม ดีขึ้นๆ แต่มันแบบ…
น้ำปลา นิดดีกว่า
อ่าวเฮ๊ยยย เมื่อไหร่พวกเมิงจะปรุงเสร็จวะเนี่ย
สงครามชิงเครื่องปรุง ดำเนินต่อไป (ส่วนผักสด มันรุมทึ้งกันหมดไปก่อนเราจะได้สติแล้ว ฉะนั้น อด ฮ่าๆๆๆ) จนกระทั้ง เครื่องปรุงทุกอย่างถูกเติมจนครบ
อ่าาา แดกๆ ไปเถอะ!! (เสียดายตังค์)
จริงๆ ไม่ปรุงอร่อยกว่า
นี่สาบานให้ฟ้าผ่าตายเลย _ _!
0 ความคิดเห็น