สะบายดีหลวงพระบาง ตอนที่ 3
3:12 หลังเที่ยงวันนี้เป็นวันสุดท้ายของทริปนี้ ขามาต่างคนต่างมา แต่ขากลับเราว่าจะกลับพร้อมกัน แต่เนื่องด้วยความวิบากในการเดินทางจากเวียงจันทน์มาหลวงพระบางของเรา มันทำให้เรายังเมื่อยตูดกันจนวันนี้ ในขณะที่กำลังปรึกษากันว่า เราจะบินกลับเวียงจันทร์กันมั๊ย อิมนุษย์แฟนตัวดี ก็สร้างงาน
“อยู่อีกคืนเหอะ ยังไม่หายเมื่อยเลย แค่คิดถึงทางที่มาก็ไม่อยากไปไหนแล้ว นะนะ”
“หืมมม…แกว่าอะไรนะ แล้วแมวฉันล่ะ!!??”
“ฝากหมอแล้วไม่เป็นไรหรอก”
และแล้วก็สรุปว่า ค้างที่นี่อีกคืนนึง เป็นอันว่า เราจะออกจากแผนกัน !!!
เรารีบตื่นมากินข้าวฟรีในตอนเช้า แต่ก็เกือบจะหมดเวลาอยู่แล้ว(ไม่ยอมพลาดหรอก!!!) มีแผนว่าจะเดินเล่นกันใกล้ๆ ที่พักก่อนที่เนยกับพี่โต๋จะต้องกลับมาเช็คเอ้าท์ตอน 11 โมง ส่วนเรากับอิมนุษย์แฟนจะซื้อทัวร์ไปน้ำตกตาดกวางซี ตอน 11 โมงพอดี เป็นเวลาเดียวกับที่เนยจะเช็คเอ้า แล้วเราก็จะย้ายไปนอนเตียงของเนยกับพี่โต๋
แต่กว่ามื้อเช้าจะผ่านไป เวลาก็เลยไปจนเกือบจะ 11 โมงแล้ว แผนที่จะออกไปเดินเล่นจึงต้องล้มไป เราจัดการย้ายเตียงเรียบร้อยก็มาจ่ายเงินเพิ่ม โดนกันไปอีกคนละ 20,000 LAK ประมาณ 200 บาท แพงกว่าที่จองมากเล็กน้อย แต่ก็ยังถือว่า โอเค
เราซื้อทัวร์ไปน้ำตกในราคา 40,000 LAK นี่คือค่ารถ ไป - กลับ เราไปกัน 9 คนรู้จักกันก็แค่ โซ่ เพื่อนใหม่เมื่อคืนนี้เพียงคนเดียว ส่วนคนอื่นๆ นอกจากจะไม่รู้จักแล้ว ยังคุยไม่รู้เรื่องอีก พอไปถึงต้องเสียค่าเข้าอีก 20,000 LAK อีก รถที่พาเราไปน้ำตก หน้าตาคล้ายๆ รถกระป๋องที่แต่แรงกว่ามาก น่าเรียกจรวดทางเรียบมากกว่า ทางไปน้ำตกนั้นแทบจะไม่ต่างจากทางขามาของเรา ทั้งขึ้นเนินที่เหมือนขึ้นเขา ทางโค้งที่โค๊งงงงงงงง โค้ง โค้งเสร็จลงเนิน ลงเนินเจอฝุ่น เจอฝุ่นเสร็จโค้งขึ้นเนินอีก เหวี่ยงไปเหวี่ยงมาจนอะไรต่อมิอะไรที่กินมาเมื่อเช้า ตีขึ้นจนเอ่ออยู่ที่คอหอย ส่วนหูนี่ดับไปนานมากแล้ว แต่ก็ยังมีอารมณ์ยกกล้องขึ้นมาถ่ายวิวข้างทาง ที่มันก็น่าถ่ายมาก กว่าจะถึงน้ำตกนี่เกือบตาย
ทางเข้าน้ำตกมีของขายหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นของกิน ของใช้ ของไม่ใช้แต่ซื้อไว้เท่ๆ ของฝาก ฯลฯ แน่นอนว่าของที่เรา สนใจที่สุดคือ ของกิน!!!
เรียกได้ว่า ลงจากจรวด เอ๊ยยยย รถกระป๋อง ปุ๊บ เราก็ตรงดิ่งไปหาเตาย่างปลา ที่กำลังย่างปลานิลร้อนๆ หอมๆ ยั่วต่อมตะกละของเราอยู่อย่างไม่ได้มีความเกรงอกเกรงใจเราเลยแม้แต่น้อย แต่อิมนุษย์แฟนเราหูรูดไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ดันปวดฉี่ซะงั้น งั้นไปห้องน้ำก่อน
ใครที่เคยได้ยินเรื่องห้องน้ำเวลาไปเที่ยวจีน นี่ต้องบอกก่อนเลยว่า เราก็ได้ยินมามาก และก็จินตนาการถึงห้องน้ำอันโด่งดังนี้มานาน ที่นี่เหมือนทำให้เราได้เห็นภาพที่เราจินตนาการมาหลายปี ห้องน้ำอยู่ใกล้ๆ ทางเข้าน้ำตก มีคนใช้บริการกันอย่างคึกคัก ทั้งไทย ลาว ฝรั่ง ญี่ปุ่น ฯลฯ สภาพห้องน้ำ ก็เละเทะตามความคึกคักที่มันต้องรองรับ บางห้องเปิดเข้าไปนี่ อื้อหืออออ
นี่สินะ ที่เค้าเรียกว่า ต่อยอด!!
แม้ยอดที่จะต้องต่อ ไม่สูงเท่าไหร่ แต่สีสันนี่ เหลืองอร่าม หลายโทนมาก คล้ายๆ กับจะบอกว่า เขาลูกนี้ มันนานาชาตินะเฮ๊ยยย
โอ๊ยยย ศรีจะเป็นลม ตอนจินตนาการมันก็ไม่เท่าไหร่ พอมาเห็นยอดเขาของจริงนี่แบบ เผ่นค่ะ!!!
สภาพที่เจอนี่คือห้องน้ำหญิงนะ เห็นทีเราคงจะต้องสำรวจห้องน้ำชายกันซะหน่อยแล้ว เปิดไปที่ ห้องน้ำชาย นี่ก็ไม่เบาเลย ภาพไม่เท่าไหร่ แต่กลิ่นนี่มาเต็ม แสบจมูกเลย แต่ก็เอาวะ ดีกว่าต้องไปต่อยอดเขานานาชาติ ที่ห้องน้ำหญิง
หลังจากเอาของเก่าออก ก็ต้องเอาของใหม่ใส่เข้าไปเพิ่ม ปลาย่างบนเตาที่เราเห็นเมื่อตอนลงจากรถ กำลังกวักมือเรียกเราอยู่ เรา 3 คนสั่งส้มตำ ปลาย่างไก่ย่าง ข้าวเหนียว มากินกัน มื้อนี้ที่ชอบที่สุดคือปลาย่าง เนื้อหวานฉ่ำ อร่อยมาก เรียกว่า ชอบที่สุดในบรรดาอาหารทั้งหมดในทริปนี้เลยดีกว่า มันอร่อยจนอยากจะห่อกลับมากินต่อที่ไทยเลยล่ะ (อ่าว เว่อไปเหรอ O.O)
เราเดินเข้ามาด้านใน ด่านแรกที่เข้ามาคือ กรงหมี มีหมีอยู่กี่ตัวก็ไม่ทราบ แต่ทางอุทยานจะมีบอกไว้ มีชื่อทุกตัว แต่ละตัวคนละสายพันธุ์ แต่เราสนใจน้ำตกมากกว่า
น้ำตกสีฟ้าท่ามกลางป่าไม้เขียวขจี เหมือนในรูปที่เห็นในรีวิวเป๊ะ ไม่ผิดเพิ้ยน แน่นอนว่า คนไทยเยอะมากอีกแล้ว ฝรั่ง เกาหลี ญี่ปุ่น นี่ใส่บิกีนี่ เล่นน้ำกันเลย เรานี่หนาวแทน คราวนี้อิมนุษย์แฟนวอนนาบี อยากจะเป็นทาซาน อยากจะกระโดดจากกิ่งไม้ ทิ้งตัวตูมมม ลงไปในน้ำเย็นๆ แต่นู๋มาถ่ายคลิปให้พี่หน่อยจิ
เดือดร้อนกูเลย!!!
ส่วนโซ่ก็นั้งเอาขาแช่น้ำเย็นๆ ไหนๆ ก็มาถึงแล้ว ไม่โดนน้ำเดียวเค้าว่ามาไม่ถึง อ่ะ ก็จัดไป!!!
เรากลับจากน้ำตกตอน บ่าย 3 โมงเนยกับพี่โต๋ยังอยู่ ที่ โฮสเตล พอ 5 โมงเย็นจึงเดินไปส่งทั้ง 2 คนขึ้นรถ ที่ขนส่งหลวงพระบาง ระหว่างทางก็แวะกิน(อีกแล้ว) ลูกชิ้นทอด
ลูกชิ้นทอดที่นี่ใส่ชามมาเสริฟ ราคาชามละ 20,000 LAK ราดด้วยซอสอะไรซักอย่างไม่รู้ว่าเรียกว่าอะไร รสชาติหวานปะแล่มๆ โรยหน้าด้วย ตะใคร้ซอย ผัดชี และพริกป่น แต่รสชาติก็ยังปะแล้มๆ เหมือนเดิม
ที่ร้านมีคนลาวนั้งกินอยู่ด้วย เจ๊แกกินอย่างเอร็ดอร่อยมาก เห็นเจ๊แกแล้ว จากไม่รู้จะอร่อยดีมั๊ย ก็เกิดอร่อยขึ้นมาเฉยเลย
เราเดินกันไปเรื่อยๆ บรรยากาศข้างทางเปลี่ยนไปเยอะ มีสาวน้อยสาวใหญ่มานั้งอยู่ริมฟุตบาท มีโต๊ะตัวเล็กๆ ตั้งอยู่ บนโต๊ะมีกระดาษอะไรซักอย่างวางอยู่หลายใบ ตอนแรกก็สงสัยว่ากระดาษอะไรวะ ตำราเรียนเหรอ จะมานั้งอ่านตำราเรียนอะไรก็ริมถนน เอ๊ะหรือว่า ที่นี่เค้าอ่านกันแบบนี้ ถามพี่โต๋ได้ความว่า ป่าวหรอกไม่ใช่ตำราเรียน แต่นี่เป็น หวยจ้า!!
นั้งขายกันริมฟุตบาทงี้เลยจ้าเก๋ๆ แล้วก็ร้านติดๆ กันด้วยนะ ตั้งโต๊ะใกล้กันขนาดนี้ไม่ตีกันแย่งลูกค้าบางเหรอเนี่ย จากตรงนี้เมื่อเทียบกับในตัวเมืองหลวงพระบาง ที่นี่มีความเป็นท้องถิ่นมากกว่า ร้านอาหาร วิถีชีวิต ผู้คน ดูเป็นอะไรที่ Real กว่าในตัวเมืองมาก ถ้าถามว่าชอบมุมไหนที่สุดในเมืองนี้ก็คงจะตอบว่า มุมนี้แหละ
ขากลับเรานั้งสามล้อกลับเพราะฟ้าเริ่มจะมืดแล้ว รถราก็เยอะ เสียไปคนละ 10,000 LAK สบายใจ!!
เราก็สปีคอิงลิชกันมั่วไปหมด มั่วจนไม่รู้จะมั่วยังไง เข้าใจอารมณ์แบบ คนที่พูดอังกฤษไม่ได้ แล้วเพิ่งตื่น หัวสมอง สติสตัง คลีนมาก!! แล้วต้องมาเจรจา ขอฝากกระเป๋าไว้หน่อยน๊ายู รถไอออกตอน 6 โมงนู่น กระเป๋าใบเท่าควายไอ ขี้เกียจแบกมั๊กๆ เลย Y^Y
เจ๊แกก็ใจดี๊ ใจดี ได้เลยยู ตอนกลับยูสามารถมาอาบน้ำฟรีได้อีกรอบนะ ยูก็วางกระเป๋าดีๆ อย่าให้เกะกะทางเดินก็พอ ^____^
โอเคๆ แต๊งกิ้วๆ ยูน่ารักที่สุด(อยากกระโดดหอมแก้มซักที ถ้าไม่ติดว่าเป็นชะนีเหมือนกัน ละโดนแน่)
พอผ่านพิธีกรรมเช็คเอ้าท์ ฝากกระเป๋าเรียบร้อยแล้ว เรา 2 คนก็ออกตามล่าหาร้านเช่าจักรยาน เพื่อจะปั่นรอบเมือง เพราะความขี้เกียจเดินนั่นแหละ(ขี้เกียจขนาดนี้นอนอยู่บ้านก็ได้มั๊ง) แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่ได้จักรยานที่ถูกใจ(จริงๆ คือไม่เจอราคาที่ถูกใจ(ขี้เกียจแล้วยัง งก ด้วย)) เดินไปเดินมา จะครบทุกซอยละ ไม่เช่ามันละจักรยาน
"โอ๊ะ!! เฮ๊ยย !! นั่นวัดอะไร "
อิมนุษย์แฟนตัวดีอีกแล้ว นางเหลือบไปเห็นยอดเจดีสีเหลืองทองอร่าม ตั้งตระง่านอยู่ตรงโค้งแม่น้ำซองตรงนู้นเลย ไกลๆ ลิบๆ นู่นเลย(ยังอุตส่าเห็น)
"เราเดินไปตรงเจดีนั่นกันมะ ไหนๆ ก็ไม่มีอะไรทำอยู่ละ"
"เออ เอาดี๊ จัดไป"
เดินกันอยู่เกือบหมดวันสุดท้ายก็มาถึง
วัดป่าอะไรซักอย่าง เหนื่อยเกินกว่าที่จะพยายามอ่าน สุดท้ายก็ เออ ช่างมันเหอะ วัดป่าฯ เข้าไปข้างในเลยดีกว่า ป่าเป่ออะไรช่างมันเหอะ
พอเข้ามาข้างในถึงรู้ว่า อ๋อ วัดมันอยู่บนเบินเขานี่หว่า มีน่าละมองเห็นแต่ไกลเลย คือเดินมาไกลมากแล้ว ถ้าอยากสุดจริงๆ ต้องเดินขึ้นไปบนเนินด้วยนะ เอาวะ ขึ้นก็ขึ้นอยู่ๆ ก็มีมอเตอร์ไซค์คันนึงแซงเราขึ้นไป คนขับเป็นฝรั่งแก่ๆ อ้วนท้วนสมบูรณ์
เฮ๊ยย!! นี่มันตาลุงคนที่นั่งอยู่ที่โฮสเตลนี่หว่า
จะมาก็ไม่ชวนเลยนะลุ๊งงง ไม่งั้นจะขอติดมอไซลุงมาด้วยซะหน่อย
"พี่คะ ตรงข้างล่างนี่คือตัวเมืองหลวงพระบางใช่มั๊ยคะ" นึกสภาพว่าเดินมาไกลและนานมากจนหลงทิศไปหมดแล้ว
"ม่องนั่นแม่นหลวงพระบาง แต่ถ้าม่องนี้บ่แม่นจ้า"
"หืมมม อ่าวแล้วฝั่งนี้เค้าเรียกอะไรอ่ะคะ" ชี้ไปทางที่ติดๆ กับที่เค้าเรียกหลวงพระบาง
"ม่องนั้นเอิ้น อุดมไซ จ้า"
"อ๋อ แล้วจากวัดนี่ไป อุดมไซ นี่ไกลมั๊ยคะ"
"บ่ ลงจากวัดแล้วเดินทางทางนู้นก็อุดมไซแล้วจ้า"
เรามองตาม ไปทางฝั่งตรงข้ามกับทางที่เรามา ทำหน้างงๆ
"ม่องนี่มันฮอยต่อแล้วจ้า ถ้าตัวเมืองหลวงพระบางต้องไปนู้นเลยจ้า"
อุ๊ต๊ะ!! ไกลมากจ้า ตัวเมืองหลวงพระบางที่พี่แกชี้ไป ไกล ลิบๆ เลย
นี่กรูมาถึงจุดนี้ได้ยังไง!?
จุดที่ ถ้าเดินเพลิน หรือโดนหมาไล่กวด วิ่งเตลิดเลยวัดนี้ไป ก็โผล่ไป แขวงอุดมไซ นู่นเลยจ้า มิน่าละ ที่เดินมามันเลยดูไกล๊ไกลยังไงพิกล _ _!
เอาล่ะ ใกล้ ไกล เอาไว้ก่อน ว่าแต่ขากลับนี่จะทำยังไง เดินเหมือนขามา ก็จะบ้ากันไปใหญ่ เหมารถเถอะพี่ น้องนี่จะเดินไม่ไหวแล้ว
สรุปเราก็เหมารถคล้ายๆ รถกระป๋องบ้านเรา กลับไปที่หลวงพระบาง โดนกันไปเท่าไหร่จำไม่ได้แล้ว แต่รู้สึกว่า เฮ๊ยย ถูกว่ะ!!!
0 ความคิดเห็น