วีไอพี ดินเนอร์ ฉบับ ปากเซ สไตล์ จร้าา ^O^

4:41 หลังเที่ยง

จาการที่พวกเรา นำของเล่นเด็ก เสื้อผ้ามือสอง และอื่นๆ อีกมากมาย รวมถึง ได้ทำกิจกรรมกับเด็กๆ กันเรียบร้อย ตกเย็น คุณครูโรงเรียนบ้านหลักสามสิบ เกิดประทับใจในความน่ารักน่าหยิกของเราชาวคณะ จึงตามมาเลี้ยงข้าวขอบคุณมื้อใหญ่(ใหญ่มาก นั้งกินกัน 20 คนได้แหละวันนั้น) จริงๆ กำลังนั้งกินข้าวอยู่อีกบ้านนึง บ้านที่เราไปพัก ยังกินไม่ทันเสร็จ อ่ะ โอเคไปก่อนละกัน เดี๋ยวจะเสียน้ำใจ บ้านก็อยู่ติดกันเดินไปข้างบ้านนิดเดียวเอง

      ไปถึงก็พบว่า ทุกคนพร้อมแล้ว รอแต่พวกเราซึ่งก็พร้อมอยู่แล้ว(เรื่องกินขอให้บอก ไม่มีขัด ฮ่าๆๆๆ) ก็จัดแจงนั้งที่ใครที่มัน คือนั่งกับพื้น ปูเสื้ออ่ะ แล้วคนมันเยอะ จนบ้านหลังใหญ่กลายเป็นรูหนูไปทันที แล้วไง แล้วก็นั้งเป็นวงกลมไม่ได้อ่ะดิ ก็นั้งต่อแถวยาวๆ แล้วหันหน้าเข้าหากัน เรียงเป็นแถวยาวๆ เหมือนขบวนรถไฟ อาหารตรงหน้าเหมือนที่กินมาเมื่อกี้เลย มีผักสด เนื้อสไลด์บางๆ ผัดหอมๆ น้ำจิ้มรสแซ่บ วิธีกินก็คือ เอาเนื้อผัด พริกขี้หนู ขนมจีนและอื่นๆ ใส่ไว้ในกระหล่ำปลีที่จับรวมกับผักอีกหลายอย่าง แล้วเอาน้ำจิ้มราด จะราดเยอะ ราดน้อยก็แล้วแต่จะพอใจ น้ำจิ้มใสๆ ใส่อะไรมั้งไม่รู้ แต่อร่อยมาก จากนั้นจะห่อ หรือไม่ห่อ ก็ตามใจ แล้วยัดเข้าปาก แนะนำว่าให้ยัดเข้าไปหมดภายในครั้งเดียว เพราะถ้าไม่อย่างนั้นน้ำจิ้มที่ราดลงไปแล้ว มันจะหยดย้อยออกมาข้างปาก และเรียวแขนให้ตามเช็ดกันไม่ทั่วไม่ทันเลยทีเดียว รสชาดนี่อร่อยจนนอนฝันถึงไปหลายคืนเลยแหละ จริงๆ นะ

เมื่อได้ที่เราก็ไม่รอช้า จกค่ะ จก !!!
แต่ยังไม่ทันจะกินคำที่ 2 ก็มีเสียงหนุ่มน้อยคนหนึ่งตะโกนมาจากท้ายขบวน

“เอื้อยๆ ซื่ออิหยัง ยังบ่ฮู๊จั๊กเด่ แนะนำโต๋หน่อยเด๊คับ”

อยากให้จินตนาการว่า ผักที่ห่อ และราดน้ำจิ้มเรียบร้อย กำลังจะเข้าปาก แล้วแต่ยัง กำลังอ้าปากหวอ น้ำจิ้มจากห่อในมือย้อยลงมาตามแขน และใช่เลย แขนเสื้อฉัน!!!

เราจำเป็นต้องวางห่อผักในมือลงอย่างอาลัยอาวร แล้วทุกคนก็เริ่มแนะนำตัวเอง
เพื่อนฉันนั่งอยู่หัวขบวน คนแรกสุดก็เริ่มแนะนำตัวเอง สำเนียงอิสานชัดเจน ตามด้วยน้องที่มาด้วยกัน นั่งคนละฝั่ง เรียงมาเป็นทอดๆ จนมาถึงเรา ความรู้สึกเป็นปมด้อยเริ่มตรงนี้เลย คือ ฉันพูดสำเนียงอิสานไม่เป็น !!!

เราแนะนำตัวสำเนียงภาษากลางแบบคนกรุงเทพฯ แบบไม่มีที่อื่นปน โดยไม่ลืมที่จะตบท้ายด้วยรอยยิ้มพิมพ์ใจ ให้หนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่แถวนั้นได้ฝันร้ายกันเป็นทิวแถว

ใช่สิ...คราวหน้านะจะเว้าลาว ให้ดู คิดในใจไม่ได้บอกให้ใครรู้ ฮ่าๆๆๆๆ

จากนั้นก็แอบจกเนื้อในถ้วยมาเคี้ยวเล่นไปพลางๆ ฟังคนอื่นๆ แนะนำตัวไปจนครบ
“เฮ๊ยมึง กูว่าเนื้อเขากลิ่นแปลกๆ ว่ะ มึงว่าไงวะ” จริงๆ ตอนแรกที่กิน ก็รู้สึกว่ากลิ่นมันแปลกอยู่ แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไร อารมณ์กำลังตะกละ ที่ถามนี่คือกินไปจนเกือบจะหมดชามแล้วนะ

“อืมใช่ กลิ่นแปลกๆ ว่าจะทักละ เห็นมึงกำลังอร่อยเชียว เลยไม่ทัก”
“มึงถามดิ เนื้ออะไร”
“มึงแน่ใจเหรอว่า มึงอยากรู้??” ฮ่าๆๆๆ เท่านั้นแหละ นิ่งเลย ทำไมถามงี้ละตัวเธอ คือถามแบบนี้ แปลว่าถ้ารู้ อาจจะมีคนลุกไปอ้วกใช่มั๊ย หรือยังไง ถ้าถามมางี้ ก็อย่ารอช้าเลย ถามคนทำเลยดีกว่า เนื้ออะไร ให้มันรู้เขียว เหลือง แดง กันไปเลย
“เอื้อยๆ นี่มันเนื้ออิหยัง แม่นเนื้องัวบ่” เพื่อนเราก็ถามคุณครุสาวสวยเจ้าของบ้าน เขาตอบอะไรมาไม่รู้ ฟังไม่ทัน แต่เพื่อนก็ยังอุตส่ามาแปลให้อีกที

เนื้อควายว่ะมึง!!!
เนื้อควายว่ะมึง!!!
เนื้อควายว่ะมึง!!!
เนื้อควายว่ะมึง!!!
เนื้อควายว่ะมึง!!!
เนื้อควายว่ะมึง!!!
คำตอบของเพื่อนทำเอาค้างเลย ยิ่งไปกว่านั้นคือ กำลังเคี้ยวอยู่ในปากเลย หันมองซ้ายมองขวา ทุกคนก็กินกันปกติ คงมีแต่เรากับเพื่อนที่รู้ แล้วกำลังทำหน้าไม่ถูก หันมองชาวคณะอีก 3 คนยังกินกันอย่างเอร็ดอร่อย โม้กันน้ำลายแตกฟอง หึๆ ยังไม่รู้กันล่ะสิ!!!
แล้วเราก็กลืน เนื้อควาย ลงท้องไปด้วยความซาบซึ้งในรสชาด ของเนื้อควาย ชนิดที่ว่า น้ำตาคลอเบ้าล่ะ หน้านี่ซีดเป็นไก่ต้มแบบไม่ต้องสงสัย ขนลุกทั้งตัวเหมือนคนกำลังปวดขี้แบบสุดๆ และแล้ว เพื่อนอีกคนที่กำลังน้ำลายแตกฟอง ก็สังเกตุเห็นความผิดปกติของเรา...
“เป็นไรวะ??”
“มึงรู้ป่าวนี่เนื้อไร”

เท่านั้นแหละ คนไทยในหมู่ลาวพากันใบ้กิน มองหน้ากันเลิกลั้ก น้ำตาคลอเบ้า กระเดือกชิ้นเนื้อในปากกลืนลงท้องกันอย่างยากลำบาก บางคนกำลังจะตักเข้าปาก ก็เบรกไว้ได้ทัน แต่ก็หน้าซีดเป็นไก่ตาย ไม่แพ้คนอื่นๆ

“พวกมึง ก็กินๆ เข้าไปเหอะ เกรงใจเจ้าของบ้าน” เพื่อนข้างๆ มากระซิบข้างๆ หู เราเหลือบมองเพื่อนสาวชาวลาวที่นั้งอยู่ตรงข้ามที่กำลังยิ้มหวานให้พวกเรา ก็ได้แต่ยิ้มอย่างเหี่ยวแห้งส่งกลับไป แล้วก็ค่อยๆ กินต่อ ไม่พูดไม่จากับใคร ทั้งสิ้น ก้มหน้าก้มตากินจนหมด ซดน้ำที่เหลือด้วย

ไหนๆ มันก็ตายไปแล้ว เลิกกินตอนนี้ ควายมันคงจะเสียใจ มันอุตส่าห์ตายเพื่อมาเป็นอาหารให้เรากิน จะทิ้งมันไปซะอย่างงี้ก็ดูจะใจจืดใจดำไปนิด(น้ำตาจะไหลกินล่ะสิ ฮ่าๆๆๆๆ)

คืนนั้น เมื่อรับประทานอาหารกันเสร็จสรรพ ก็นั้งโม้น้ำลายแตกฟองกับพี่น้องชาวลาวไปอีกพักใหญ่ๆ ปาร์ตี้เนื้อควายก็เป็นอันเลิกลา เพราะเพื่อนชาวลาวบางคน ต้องออกไปกรีดยาง!

คือหน้าตาเค้าดูอายุไม่น่าจะเกิน 15 แต่ออกไปกรีดยางตอนกลางคืนเนี่ยนะ!!
แล้วเค้าก็บอกว่า เราอายุเท่าเธอนั้นแหละ!!!
คิดในใจ ทำไมกูดูแก่จังวะ!!!!

ระหว่างทางที่เดินกลับบ้าน เพื่อนสนิทก็กระซิบบอกชาวคณะว่า คนที่นี่เวลามีแขกพิเศษมา เขาก็จะต้อนรับด้วยอาหารดีๆ ที่มีราคาแพงๆ ถ้ามาแบบ VIP นี่เจอของป่า แบบพวกเนื้อเก้ง เนื้อกวาง แย้ อะไรงี้เลยนะมึง!!!


แม่เจ้า เนื้อควายที่กูเจอเมื่อกี้ ดูเบาไปทันทีเลยสินะ!!!

You Might Also Like

0 ความคิดเห็น